
แบงค์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์สูดดมองเศรษฐกิจไทยเติบโตเจริญในครึ่งปีข้างหลัง โดยมีต้นสายปลายเหตุหนุนจากรัฐบาลใหม่ออกมาตรกาเกลื่อนกลาดระตุ้นการบริโภค
ข่าว แล้วก็การฟื้นฟูสภาพของภาคการท่องเที่ยวที่แจ่มแจ้งขึ้น ในตอนที่ครึ่งปีแรกยังคงมีต้นสายปลายเหตุความไม่เที่ยงจากความผันแปรของเศรษฐกิจโลก นายทิม ลีฬหะชนิด นักเศรษฐศาสตร์ แบงค์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) บอกว่า แบงค์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะเติบโตจำนวนร้อยละ 4.3 จากเดิมคาดเติบโตจำนวนร้อยละ 4.5 อัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปคาดจะอยู่ที่ปริมาณร้อยละ 2.1 จากเดิมคาดไว้ที่ปริมาณร้อยละ 2.7 อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นคาดจะอยู่ที่ปริมาณร้อยละ 1.7 จากเดิมคาดไว้ที่จำนวนร้อยละ 3.3 โดยไตรมาสแรกเดาอัตราเงินเฟ้อที่ปริมาณร้อยละ 4 ไตรมาส 2 ปริมาณร้อยละ 1.7 ไตรมาส 3 ที่ปริมาณร้อยละ 1.2 รวมทั้งไตรมาส 4 ที่ปริมาณร้อยละ 1.6 ในช่วงเวลาที่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่ปริมาณร้อยละ 3.6 ของจีดีพี จากเดิมคาดไว้ที่จำนวนร้อยละ 4.0 ดังนี้ พวกเรารู้สึกว่าการฟื้นฟูสภาพของเศรษฐกิจไทยพบเจอความไม่เที่ยงในไตรมาสที่ 2 แม้กระนั้น ยังเห็นว่าในครึ่งปีข้างหลังเศรษฐกิจไทยจะเติบโตก้าวหน้า ข่าวเศรษฐศาสตร์ ดังนี้พวกเราปรับลดคาดการณ์การเจริญเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ซึ่งสะท้อนเรียกตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต่ำกว่าคาด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงไม่เบิกบาน แล้วก็จังหวะที่จะมีความชักช้าสำหรับเพื่อการดำเนินแนวทางทางด้านเศรษฐกิจสาเหตุจากมีการออกเสียง “บรรยากาศการบ้านการเมืองแล้วก็การฟื้นฟูสภาพของภาคการท่องเที่ยวที่แจ่มกระจ่างขึ้นจะเป็นต้นสายปลายเหตุหนุนเศรษฐกิจในครึ่งปีข้างหลังของปีนี้ โดยแบงค์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่ารัฐบาลใหม่จะเริ่มปฏิบัติงานได้อย่างเต็มเปี่ยมในอีก 2 เดือน ซึ่งจะเป็นจุดที่พวกเรามองเห็นคำตอบแจ่มแจ้งขึ้นใน 3 ปริศนาเป็น รัฐบาลใหม่มีเสียงข้างมากแค่ไหน พรรคที่เป็นแกนนำสำหรับเพื่อการก่อตั้งรัฐบาลสอดคล้องกับ Popular Vote ไหม รวมทั้ง 3.นายกฯมาจากดังที่กล่าวถึงมาแล้วหรือเปล่า ซึ่งคำตอบพวกนี้จะมีผลให้มองเห็นถึงความมีเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคตถัดไปได้“